Monday, October 8, 2012

ภาษี หมอ ตัวน้อยๆๆ

สวัสดีอีกรอบนะครับ พี่น้อง ชาวเสียภาษีเยอะทั้งหลาย :suhok:

ตอนนี้ก็ปลายปีแล้ว เพื่อนๆ ที่อยู่ตามโรงพยาบาลชุมชนคงกำลังคิดภาษีอยู่ใช่ไหมครับ ว่าเราจะเสียเท่าไหร่ปีนี้ :huh:
ถ้าใครยังไม่ได้ คิด ไม่ได้หัก ณ ที่จ่ายไว้ เตรียมตัวเลย จ่ายบานครับ แค่ เงินได้ทั้งปี(ก็เงินเดือน+OT โรงบาลรัฐ+ทุกอย่างที่ได้จากรพช.) ก็ปาอย่างต่ำ มากกว่า 600,000-700,000 บาทแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรเลยกับเงินก้อนนี้ ลองคิดดูนะครับว่าจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ :sweat: :sweat: :sweat: :sweat: :sweat:

ถ้าเราหักที่หักได้กันทุกคนคือ ค่าใช้จ่าย(<40%,ไม่เกิน60,000)+ค่าลดหย่อนในกรณีโสด(30,000 บาท) = 90,000 บาท เอาไปลบออกจากเงินได้ทั้งปี สมมติแล้วเหลือ 600,000 บาท(จะได้ง่ายๆ)นะครับ เราจะต้องเสียภาษีจากเงิน6แสนนี้ คือ 55,000 บาท! ซึ่งตอนintern 1 มีการหัก ณ ที่จ่ายไว้ เราเลยไม่เดือนร้อน แถมยังได้คืนเพราะ เขาหัก ณ ที่จ่ายเกิน และต้องไม่ลืมว่าเราทำงานประมาณ 7-8 เดือนเท่านั้น ดังนั้น intern 1 เลยไม่ต้องมากังวลเรื่องภาษีมาก แต่intern 2 ไม่เป็นอย่างนั้นแล้วครับ เพราะอะไร
1. บางโรงพยาบาลไม่ได้หัก ณ ที่จ่าย (ต้องระวังครับ)
2. ทำงานเต็มปีภาษีครับ 12 เดือน
3. ตรวจสอบได้แน่ๆ ครับ เนื่องจากเงินทางรัฐนี้
ดังนั้นปีนี้รับกันเต็มๆ ครับ :OhNo:

เอาหล่ะครับการคิดภาษีเขาคิดอย่างไร(สำหรับคนที่ไม่แน่ใจนะครับ ผิดถูกยังไงบอกด้วย) :good:
จากการคิดภาษีคือ คิดจากเงินได้ 12 เดือน มารวมกันครับ ได้เท่าไหร่ เอาไปหักดังนี้(กรณีโสด,ไม่มีลูก,พ่อแม่อายุน้อยกว่า 65ปี )
1. ค่าใช้จ่าย ไม่เกิน  60,000 บาท
2. ค่าลดหย่อนผู้มีเงินได้ 30,000 บาท

สมมติเหลือ จากหักดังกล่าว 600,000 บาทเวลาคิดคือ
1 - 150,000 บาท เป็นเงิน 150,000บาท ได้รับยกเว้นไม่เอามาคิด(ดังนั้น คนที่เงินเดือน 12 เดือน ประมาณน้อยกว่า 200,000 บาท ไม่ต้องมากลุ้มใจเรื่องภาษี)

150,001 - 500,000 บาท ต่อไป เป็นเงิน  350,000 บาท คิดที่ 10% ของ 350,000 บาท ดังนั้น จะต้องเสียภาษี 35,000 บาท

500,001 - 1,000,000 บาทต่อไป เป็นเงิน 100,000 บาท คิดที่ 20% ของ 100,000 บาท ดังนั้นเสียภาษีอีก 20,000 บาท
สิริ รวมแล้วคิดภาษีจากเงินได้หักค่าใช้จ่ายทั่วไป(600,000 บาท) เท่ากับ 55,000 บาท! ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ :OhNo: :OhNo: 
ขอไปสลบทำใจก่อน.................... :her:

ฟื้นแระ มาต่อกัน :listen:

จะเห็นว่าเงินนั้น เราต้องทำงานฟรี 1 เดือน เลย จะคุ้มไหม ต้องมาโดนคนไข้ ดูถูก เหยียดหยาม เป็นพนักงาน seven ไม่ให้เกียรติแห่งวิชาชีพ(แล้วแต่ใครจะรู้สึกมากน้อย)บอกความจริง ข้อเท็จจริง ก็โกรธว่าหมอขี้งกยา ใจดีให้ทุกอย่างเราก็รู้สึกผิดเพราะ มันไม่ถูกหลักวิชาการ ถ้าตอนเรียนเราโดนด่าแน่ๆ แต่ทำไงได้ท่านคนไข้ต้องการนี้ เอออยากได้อะไรก็เอาไปละกัน (ไม่ใช่เงินเราไม่อยากหวงหรอก) :youdead:
เราจะทำไงดีเพื่อเสียภาษีน้อยที่สุด ถูกกฎหมายที่สุด ทำได้ครับ จะให้เสียจาก 55000 เหลือเสียภาษี 0 บาทก็ได้ถ้า "ใจ" พอ :Oh:

เป็นรูปสิทธิการลดหย่อนที่"ถูกกฎหมายครับ"
สิทธิลดหย่อนของแต่ละคนมีดังนี้
1.เมีย 1 คน(ไม่สนใจเพราะ เหมือนไม่ได้ลดหย่อน มีสองคนไม่ได้สิทธิลดหย่อนเพิ่ม แถม อายุสั้นด้วย) :pink:
2. ลูก 2 คน(มีลูกเพื่อลดหย่อนภาษี บ้าป่าว มี10 คน ไม่ได้สิทธิเพิ่ม แถม จนอีกตะหากเมียโทรมด้วย) ;;yom;;
3. บิดามารดา(อันนี้ต้อง อายุ เกิน 60 ปี และ ไม่มีรายได้เกิน 30,000 บาทนะ คิดว่าก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่) ;;unexpected;;
4. เบี้ยประกันชีวิต 10 ปีขึ้นไป(อันนี้สนับสนุนให้ทำเพราะ เราไม่รู้วันตายครับ ทำไปเหอะ ขอร้องละ คนที่บ้านจะได้สบาย เดี๋ยวรายละเอียดจะว่ากันอีกที) :dead:
5. การจ่ายในปีนั้นๆ เพื่อกบข., ประกันสังคม, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เอกชนตั้งขึ้นถูกกฎหมาย(ก็ต้องจ่ายอยู่แล้วทุกคนมากน้อยแล้วแต่คน) :thank:
6. ดอกเบี้ยกู้ยืมในปีนั้นๆ(เอาดอกเบี้ยมาลดหย่อนครับ ใครผ่อนบ้าน ตึก condo เอาดอกเบี้ยทั้งปีมาหักได้ ไม่เกิน 100,000 บาท เดี๋ยวรายละเอียดจะว่ากันอีกที) ;;jabokhai;;
7. การซื้อในปีนั้นๆ LTF (อันนี้เด็ด เดี๋ยวมาบอกต่อ) :puadhua:
8. การซื้อในปีนั้นๆ RMF (ถ้าคิดว่าอายุยืน ถึง 55 ปี ก็ซื้อครับ) ;;zen;;
9. การบริจาค ในปีนั้นๆ(ถ้าเป็นดารา อยากทำบุญได้กุศล แถมดูดี ก็ทำไม่เหอะ แต่เงินหายนะไม่ได้คืน แนะนำทำตามสมควร แต่ไม่อยากบอกเลยว่า มันใส่ตัวเลขอะไรก็ได้บริจาค 5000 ใส่ 20000 ก็ได้) :yom:
10. การซื้อประกันให้พ่อแม่(ก็ดีครับ แต่ส่วนใหญ่ท่านทำอยู่แล้ว แต่ให้ท่านช่วยเราได้ คืออะไร เดี๋ยวมาบอก) :good:

ทุกอย่างนี้ ถ้าคนที่บ้านรวย พ่อแม่ รวย หรือ มีคนช่วยจะทำให้เสียภาษี 0 บาท ได้แน่ครับ เดี๋ยวมาต่อนะ ไป ultrasound for pt wanted ก่อน

การลดหย่อนภาษีดีอย่างไรดีตรงนี้ครับ  :huh:

คือ ลดอัตราการคิดภาษีครับเพราะ จากที่เห็น ถ้า เงินได้ทั้งปี น้อยกว่า 500,000 บาท(499,999) เสียที่ 10%
แต่ถ้าส่วนที่เกิน 5แสนต้องเสีย 20% ซึ่งมากกว่ากัน 2 เท่า ดังนั้น การลดหย่อนคือ ต้องหาอะไรก็ตามมาหักให้ต่ำกว่า 5 แสนเข้าไว้ เช่น การซื้อประกัน LTF RMF เป็นต้น :tea:

สมมติว่าเราซื้อ LTF 100,000 บาท(แต่ความจริงได้แค่ 90,000 บาท เพราะไม่เกิน 15%ของ 600,000 สมมติเอาให้ง่าย) ; ; หักได้ 600,000 -100,000(LTF) = 500,000 เท่านี้เราก็เสียภาษีแค่ 35000 บาทเท่านั้น ประหยัดเงินได้ ถึง 20,000 บาททีเดียว  นี้เป็นตัวอย่างนะครับ :good:

แต่บางคนอาจคิดว่า อ่าวแล้วเงิน 1แสนที่เอาไปซื้อLTF มันก็เหมือนเราไปเงินไปจมซิ เราก็ไม่ได้ใช้เงิน 1 แสนนี้ไปจับจ่ายซิ แค่ยอมเสีย 2 หมื่น แต่ได้ตังค์มาใช้ 80,000 บาท ไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องเอาเงินไปจมตั้ง 5 ปี(3ปีกว่า) :puadhua:
ขอตอบว่าคิดอย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน 8 หมื่นนี้ เช่น ซื้อบ้านซื้อรถเราก็ไม่ว่า แต่ขอให้จำเป็นจริงๆนะ ไม่ใช่มีอยู่แล้วอยากได้คันใหม่ อันนี้ผมว่าไม่คุ้มนะ :chok:

ในเรื่องการลดหย่อนภาษีนั้น เงิน 2 หมื่นที่ต้องเสียเพิ่มถ้าเราไม่ทำการลดหย่อน เราคิดว่าเงิน2หมื่นหามาได้ง่ายๆ ไม่เสียดายก็ตามใจครับ ไม่ต้องอ่านข้อความต่อจากนี้ รอให้สรรพากร เอาเงินเราไปให้นักการเมืองถลุงใช้ต่อไปมีความสุขดีเนอะ (ดูข่าวทุกวันนี้ก็ช้ำใน เจ็บใจ เอาเงินภาษีเราไม่ทำอะไรก็ไม่รู้ รถไฟฟ้าก็ไม่ได้ใช้ แต่เห็นสร้างกันจัง ประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพนะครับ) :baileung:

ขอบอกก่อนเลยว่า(จะกล่าวโดยละเอียดทีหลัง) LTF ที่ซื้อนั้น เป็นการออมการลงทุน ครับ เงินทุกบาทที่ซื้อ LTF จะเข้ามาหาเราครับ ไม่ต้องเสียให้ใครเลย เป็นการออมระยะกลาง 5 ปี สามารถขายคืนได้โดยไม่ต้องเสียภาษีแต่อย่างใด ดังนั้นเหมือนเราออมเงิน 1 แสน ได้ภาษีคืนมา 20000 บาททันที ต่อปีนะครับ กำไร20%ทันที ครับพี่น้อง คิดดูเราเอาเงิน 1 แสนไปลงทุนอะไรแล้วได้ 2 หมื่นบาทบ้างในสภาวะปัจจุบัน ยากมากครับ แถมยังไม่พอนะครับ LTF แบบจ่ายปันผลก็มีถ้าเราซื้อเก็บไว้เราจะได้เงินปันผลทุกปีครับ ปีละ 2 ครั้ง และเราต้องไม่ขายทิ้งเลย เพราะ เป็นการออมอย่างหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ เราก็ไม่ขาย สามารถรับปันผลได้ตลอดชีวิตครับ :im:
แต่มีคนถามว่า LFT ลงทุนในหุ้นไม่ใช่หรือ แล้วถ้าหุ้นตกเราไม่ขาดทุนหรือ ขอตอบว่า ครับ หุ้นตกเราขาดทุน แต่นี้คือ เงินออมการลงทุน ครับ เราไม่ขายไม่เจ๊ง อีกอย่าง LTF มีให้เลือกหลายอย่างครับ เลือกเอาที่ความเสี่ยงต่ำๆ ก็ได้ เวลาหุ้นลงจะได้ไม่เจ็บตัว อีกอย่าง การซื้อ LTF ทะยอยซื้อได้รับ ตอนไหนเห็นหุ้นตกเยอะๆ เราก็ค่อยซื้อครับ ของถูกเพียบ หุ้นตกไม่ได้หมายถึง กิจการนั้นเจ๊งนะครับ หุ้นตกแต่ปันผลจ่ายเยอะก็มีครับ เลือกเอา หุ้นตกเป็น demand supple ครับ ไม่ใช้กิจการเจ็ง แต่ก็ต้องเลือกดีๆ   :listen:
แล้วอีกอย่างหุ้นมันไม่ได้ตกตลอดครับ มีลงก็ต้องมีขึ้นครับ สบายใจได้ถ้าเราคิดซะว่านี้คือการบังคับออม ได้เงินจากภาษีแค่นี้ก็คุ้มแล้ว เราจะสบายใจครับ :tea:

ถ้าเราไม่ซื้อ LTF เราสามารถซื้อประกันชีวิตได้ครับ อันนี้ผมแนะนำอย่างยิ่ง ควรทำ ควรเอาไปลดหย่อนเป็นอย่างแรก เพราะ อะไรหรือครับ :her:

เพราะว่า
1. ลดหย่อนได้ครับ 100,000 บาท ทีเดียว(แต่เราไม่ต้องทำเป็นแสนก็ได้ครับ เอาที่เหมาะสม มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด)
2. ตายวันไหนเราไม่รู้ครับ ทำไว้ให้คนที่เรารักครับ จะได้ไม่เดือนร้อน(ส่วนใหญ่ทุนประกัน เป็นล้าน สบายๆ)
3. เกิดอุบัติเหตุเราได้เงินครับ ไม่ต้องเสียเงิน
4. เป็นการออมครับ ถ้าเราทำประกันเราก็ต้องทำทุกปีอยู่แล้วพอทำทุกปีครบกำหนดเราจะได้เงินคืนทั้งหมดครับ
5. ได้ประหยัดภาษี 20,000 บาท (เงินได้600000 ซื้อประกัน 100000 บาท)
6. ได้เงินคืนเป็นปันผลอีกทุกปี
7. ถ้าเราจ่ายประกันดี บางเจ้าให้กู้เงินทำธุรกิจได้อีก
8. คุ้มครองทันทีเมื่อจ่ายเงินงวดแรก จ่ายเสร็จ โดนยิงก็จ่ายเป็นเงินสดทันทีครับ
9. ถ้าจ่ายไปได้3 ปี รถชน paraplagia เราทำงานไม่ได้ เขาจะไม่เก็บเบี้ยประกันครับ แต่คุ้มครองเหมือนเดิมจนหมดสัญญา ถ้าตายในระหว่างสัญญา ก็จ่ายเต็ม(ไม่ใช่อุบัติเหตุก็จ่าย)
10. คิดออกจะบอกอีกที

แต่ใช่ว่าการทำประกันจะไม่มีข้อจำกัดนะ มาดูกัน :injured:
1. ต้องจ่ายทุกปีนะครับ ห้ามขาดซึ่งเหนื่อยเหมือนกัน แต่สามารถผ่อนได้ไม่ต้องจ่ายที่เดียว เช่น 2 งวด 4 งวด 12 งวดแล้วแต่เรา
2. ใช้เวลานานครับ ต้องจ่ายมากกว่า 10 ปี ถือว่าเป็นการออมระยะยาว
3. ถอนออกมาใช้ไม่ได้ครับ สภาพคล่องต่ำมาก
4. ถ้าจ่ายไม่ครบ ก็หมดสิทธิ์ครับ เวลาเขาคืนเบี้ยประกัน จะได้ไม่ครบ เพราะ ถือว่าบริษัทรับความเสี่ยงแทนเรา
5. เราไม่ได้ใช้ครับ เงินประกันผู้รับเงินประกัน(ญาติ)เป็นคนรับเงินแทนเรา :GIHge:
6. เงินเบี้ยประกัน ผลตอบแทนที่จ่ายคืนทุกปี สู้อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ เหมือนเอาเงินไปจม ดังนั้น ไม่เหมาะแก่การเก็งกำไร
ดังนั้น ใครคิดว่า ซื้อเพื่อลงทุน ผมคิดว่าไม่คุ้ม แต่ถ้าซื้อเพื่อลดหย่อนภาษี และ ประกันความเสี่ยงในชีวิต ถือว่าคุ้มครับ :tea:
7. ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่จะเรียนต่อแล้วใช้วิธีนี้ ลดภาษีเพราะ เวลาไปเรียนจะส่งไม่ไหว ต้องเก็บเงินเผื่อไว้ ขณะใช้ทุนอยู่ เช่น จะเรียน4 ปี ก็เก็บ 70,000*4 = 280,000 บาทภายใน 3 ปีที่ใช้ทุน + ซื้อประกันระหว่างเป็น intern รวมเป็น 280,000 + 3*70,000 = 490,000 บาท
เห็นหรือยัง ต้องเก็บนิ่งๆ 490,000 บาทภายใน 3 ปีทีเดียว หนักนะนั้น วิธีแก้ ของAIA จะมีแบบจ่ายรายเดือน ประมาณ 600 บาท ที่พิเศษคือเอามาลดหย่อนภาษีได้เมื่อสิ้นปี ซื้อกี่ชุดก็ได้ จะได้สิทธิลดหย่อนตามที่จ่าย :skipj:
เอาของตัวเองเป็นตัวอย่างนะครับ :huh: ผิดถูกอย่างไรผู้รู้ช่วย comment หน่อย
เงินได้ 12 เดือน คือ  70000 * 12 = 840,000 บาท
เสียภาษีถ้าไม่ได้ทำอะไรเลย คือ
840,000 - 60,000 - 30,000  = 750,000 บาท
(150,000 * 0%) + (350,000*10%) + (250,000*20%) =
0 + 35,000 + 50,000 = 85,000 บาท!!!!! :OhNo: :OhNo: :OhNo:

ควรหาลดหย่อนเท่าไหร่ ก็คือ 250,000 บาท
กรณีของผม ได้ลดหย่อนจาก
1. ดอกเบี้ยส่งบ้าน ไม่เกิน 100,000 บาท(เกินอยู่แล้ว ส่งตั้ง 46500 ต่อเดือน)
2. ซื้อประกัน 64500 บาทต่อปี(หาร 12 ตกเดือนละ5000 กว่าบาท)
เหลือ 750,000 - 100,000 - 64,500 = 585,500 บาท ยังเกิน 85,500 บาท ก็เอาไปถยอยซื้อ LTF เดือนละ 7200 บาท เท่านี้เราก็เสียภาษี เพียง 35,000 บาท ประหยัดภาษีได้ 50,000 บาท ทีเดียว

แต่ดูนี้ 840,000 - 64,500(ประกัน) - 85,500(LTF) - 35,000(จ่ายภาษี) เหลือใช้เพียง 655,000 บาทต่อปี(กัน 185,000 บาทเพื่อจ่ายสิ่งเหล่านี้หรืออีกนัยนึง คือ ต้องมีเงินเก็บก่อนสิ้นปี 185,000 บาท) หรือ มีเงินเดือนเหลือใช้อยู่ 655,000/12 = 54,584 บาทต่อเดือน สรุปว่าเราต้องเก็บเดือนละ 70,000-54,584 = 15,416 บาทเป็นอย่างน้อยถึงจะได้ตามแผน แต่เดี๋ยวก่อน ผมยังต้องผ่อนบ้าน + รถอีก 46,500 + 5,000 = 51,500 บาท ทำให้เหลือเงินกินข้าวเพียง 54,584 - 51,500 = 3,084 บาทเท่านั้น!!!! :OhNo: :OhNo: :OhNo:

ทำไงดีเนี้ย

ทางออกคือ ประหยัด ครับใช้วันละ 100 บาท และ หารายได้เพิ่ม ก็คงเป็นรับเวรนอกบ้าง ค่าเช่าบ้านบ้าง ถ้าโชคดีตลาดหุ้นกลับมาดี ขายคืนไม่ขาดทุน ก็เอาเงินขายหุ้นมาซื้อก็ถ้าจะดีเหมือนกัน

แต่ปัญหาทั้งหมดนี้มีทางแก้ครับ ทำไง
ขอบุพการีครับ เพราะ ไม่ต้องเสียภาษีให้โดยเสน่หาไม่มีบิล(เป็นเงินเก็บพ่อแม่) ยืมเงินมาซื้อประกัน เราตายท่านได้คืนมากกว่าเดิมหรือ ครบกำหนดก็ได้คืนพร้อมดอก, ยืมมาซื้อ LTF รอ 5 ปีก็ได้คืนพร้อมปันผล เงินท่านไม่หายไปไหน ยกเว้นโดนลูกชักดาบ บาปกรรมๆ :namo:

ถ้าคิดแนว hardcore ก็หาลดหย่อนให้เหลือ 150,000 ซิ ก็คือ 750,000-150,000 = 600,000 บาท
ทำไงให้หาลดหย่อน 600,000 บาท ทำโดย
100,000(ประกัน) + 0.15 ของ 750,000(LTF=112,500) + 0.15 ของ 750,000(RMF=112,500) + 100,000(ดอกเบี้ยผ่อนบ้าน) เหลือคิดภาษี = 175,000 บาท เป็นภาษีที่ต้องจ่าย 17,500 บาท
แต่เรางกครับทำไงดีจะลดหย่อนได้อีก(ขอกลับไปคิดก่อน  คิดออกแล้วจะมาบอกอีกที) :huh:
จะเห็นว่า ถ้าบ้านรวย ก็ได้เปรียบ ทำให้คนที่รวยยิ่งรวยขึ้นไปอีก

โอ้ย จ่ายๆ ไปเหอะ 17,500 บาทเองงกทำไม  ;;heu;; จะได้เอาไปทำรถไฟฟ้า ที่ทั้งชีวิตอาจได้ขึ้นแค่ครั้งเดียว :superngeud:
อ้างอิงจาก http://www.med4407.com/forum/index.php?topic=341.100

0 comments:

Post a Comment

Popular Posts